ก่อนเลือกซื้อจักรยานไฟฟ้า ควรศึกษา performance curve ของตัวมอเตอร์ไฟฟ้าก่อน

ผู้ใช้จักรยานไฟฟ้า ควรทำการศึกษาข้อมูลของมอเตอร์ให้ดีก่อนมอเตอร์เป็นส่วนที่สำคัญเช่นกัน เพื่อการใช้งานที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ควรศึกษาข้อมูลจากกราฟ Performance curve ก่อน ข้างในมีรายละเอียดข้อมูลที่สำคัญมาก กราฟนี้บอกอะไรเราบ้าง กราฟนี้จะอธิบายพฤติกรรมทุกๆอย่างของมอเตอร์ ในกราฟนี้ประกอบด้วยข้อมูล 6 อย่าง ได้แก่ จำนวนรอบ (เส้นสีแดง) กำลังที่ได้จากมอเตอร์ (เส้นสีน้ำเงิน) แรงดันไฟฟ้า (เส้นสีเขียว) กระแสไฟฟ้า (เส้นสีฟ้า) กำลังที่ใส่เข้าไป (เส้นสีน้ำตาล) ประสิทธิภาพ (เส้นสีชมพู) กราฟนี้จะอธิบายปรากฏการณ์ค่าต่างๆของตัวมอเตอร์ ดังนี้

1 จำนวนรอบ  มีหน่วยเป็น รอบต่อนาที (rpm) มอเตอร์ถ้าหากใช้งานเวลาถ้าไม่มีโหลดหมุนมันจะหมุนเลย ดังนั้นการออกตัวจะเร็วมาก แต่หากต้องขึ้นเนินสูงเกิดแรงบิดมาก รอบจะตก

2 กำลังที่ได้จากมอเตอร์ มีหน่วยเป็น นิวตันเมตร (Nm) เมื่อเวลาที่กระแสเพิ่มขึ้น แรงบิดมากขึ้น มอเตอร์จะกินกำลังมากขึ้น

3 แรงดันไฟฟ้า มีหน่วยเป็นโวลท์ (V)  เส้นเกือบจะคงที่ เนื่องจากแรงดันไฟฟ้าที่ได้จากแบตเตอร์รี่เกือบคงที่ แต่มันจะตกเล็กน้อยเนื่องจากการดึงกระแสของโหลดมากๆเช่นแรงบิดมากๆ

4 กระแสไฟฟ้า (A) เมื่อเราต้องการแรงบิดมาก จะกินกระแสมาก กราฟก็จะขึ้น

5 กำลังที่ใส่เข้าไป (W) ได้จาก การเอาแรงดันไฟฟ้า คูณด้วยกระแส

6 ประสิทธิภาพ (n) ได้จากกำลังขาออก หารด้วยกำลังขาเข้า

กราฟนี้ดูยังไง

ยก ตัวอย่างเช่น ที่ ประสิทธิภาพ 78% แรงบิดได้ 12.77 นิวตันเมตร จำนวนรอบเป็น 320 รอบ กระแสไฟฟ้าเป็น 11.45 กำลังขาเข้าเป็น 428W ค่าแรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า กำลังขาเข้า เราอ่านได้จากวัตต์มิเตอร์ที่ทาง ebikr เคยนำเสนอตอนที่แล้วครับ

ที่แรงบิดสูงสุด คือ 27.66 Nm จำนวนรอบเป็น 278 รอบต่อนาที กินกระแส 23.35 A กระแสขนาดนี้ แบตเตอร์รี่แบบตะกั่วกรดจ่ายไม่ไหวครับ แต่แบตเตอร์รี่แบบลิเทียมยังจ่ายได้เต็มๆ กำลังที่ใช้ไปเป็น 805.73W

ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจอีกมากในการใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้านี้ เรารู้ข้อมูลทุกอย่างของมอเตอร์และใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ

performance curve ของ MP2

performance curve ของ MP2